กิฟฟารีน วีทกราส
เครื่องดื่มใบอ่อนข้าวสาสีชนิดผง ตรากีฟฟารีนวีทกราส (Wheatgrass) เป็นต้นอ่อนของข้าวสาลี มีประวัติการใช้มาอย่างยาวนานกว่า 5,000 ปีมาแล้วตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ ซึ่งใช้ในด้านการบำรุงสุขภาพและเป็นยาอายุวัฒนะ โดยน้ำคั้นจากต้นอ่อนข้าวสาลีได้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอาหาร Raw Food Diet คือ อาหารตามธรรมชาติที่ไม่ผ่านการแปรรูป หรือมีการปนเปื้อนจากเคมี ที่อุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโนหลากหลายชนิดที่ร่างกายสามารถนำไปใช้งานได้ในทันที และยังอุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์และสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่มีประโยชน์ในการกำจักสารพิษ ชะล้างลำไส้ ดูแลระบบทางเดินอาหาร และช่วยต้านการเกิดมะเร็งรวมทั้ง บำรุงเลือด ซึ่งดีต่อผู้ป่วยโลหิตจางและทาลัสซีเมีย
- อุดมไปด้วยวิตามิน เอนไซม์ ซึ่งร่างกายสามารถนำเอาไปใช้งานได้ในทันที
- มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงจากสารก่อมะเร็งต่างๆ
- ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น ช่วยชะล้างสารพิษออกจากร่างกาย
- ช่วยการรักษา และบรรเทาอาการท้องผูกโดยเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้
- ต้านแผลในกระเพาะอาหารและบรรเทาภาวะลำไส้แปรปรวน (IBS) เนื่องจากคุณสมบัติต้านอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ และการสมานแผลของคลอโรฟิลล์ และฟลาโวนอยด์ จึงป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้อีกทางหนึ่งด้วย
- ป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจาง ช่วยเพิ่มระดับฮีโมโกลบิน ช่วยยืดระยะเวลาการถ่ายเลือดออกไป และช่วยลดปริมาณเลือด ที่ใช้ในการถ่ายเลือด รวมถึงช่วยลดจำนวนครั้งในการถ่ายเลือดลงได้ในคนไข้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย
เหมาะกับ : ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ
ขนาดบรรจุ 10 ซอง (15 กรัม/ซอง)
ราคา 340 บาท
สาระน่ารู้
วีทกราส (Wheat grass) ต้นอ่อนข้าวสาลีวีทกราส (Wheat grass) เป็นต้นอ่อนของข้าวสาลี มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Triticum aestivum มีประวัติการใช้มาอย่างยาวนานกว่า 5,000 ปีมาแล้วตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ ซึ่งใช้ในด้านการบำรุงสุขภาพ และเป็นยาอายุวัฒนะ การศึกษาในด้านพฤกษเคมี (Phytochemical) พบว่า น้ำวีทกราสนี้มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ กรดอะมิโน หลายชนิด รวมถึงคลอโรฟิลด์ด้วย
มีการใช้น้ำวีทกราสในการรักษาโรคต่างๆที่เกี่ยวกับกระเพาะและลำไส้มานานกว่า 30 ปีแล้ว และมีงานวิจัยเชิงทดลองแบบมีกลุ่มควบคุม
ที่ทำเกี่ยวการศึกษากับโรคลำไส้ใหญ่อักเสบ (Ulcerative Colitis) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดเฉพาะบริเวณลำไส้ใหญ่เท่านั้น โดยในระยะเฉียบพลันของโรค ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง ถ่ายปนมูกหรือเลือดสด อาการแสดงขึ้นอยู่กับความรุนแรงและตำแหน่งของการอักเสบ หากเกิดที่ลำไส้ใหญ่ส่วนปลายสุด จะมีอาการปวดถ่ายตลอดเวลา การวิจัยนี้ทดลองคนไข้ โดยดื่มน้ำวีทกราส วันละ 100 มิลลิลิตร ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 เดือน พบว่า ช่วยบรรเทาอาการโดยรวมของโรคให้ดีขึ้น ลดความรุนแรงของการถ่ายเป็นเลือด และจำนวนครั้งของการบีบตัวของลำไส้ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ในการศึกษาเกี่ยวกับผู้ป่วยที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) ซึ่งเป็นโรคความผิดปกติทางพันธุกรรมของเม็ดเลือดแดง ทำให้เกิดอาการโลหิตจาง
มีงานวิจัยที่ทำกับผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคธาลัสซีเมียในระดับรุนแรงจำนวน 40 คน โดยให้รับประทานวีทกราสชนิดเม็ด พบว่า มีศักยภาพที่จะเพิ่มระดับฮีโมโกลบิน ช่วยยืดระยะเวลาการถ่ายเลือดออกไป และยังช่วยลดจำนวนเลือดที่ใช้ในการถ่ายเลือดด้วย อีกงานวิจัยหนึ่ง พบว่า การให้คนไข้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมียในระดับรุนแรง ดื่มน้ำวีทกราส 100 มิลลิลิตร ทุกวัน เป็นระยะเวลา 1 ปี ช่วยลดปริมาณเลือดที่ใช้ในการถ่ายเลือด รวมถึงช่วยลดจำนวนครั้งในการถ่ายเลือดลงอีกด้วย
นอกจากนี้น้ำวีทกราสยังป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจาง ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการได้รับเคมีบำบัดได้ดี โดยพบว่าในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม
ที่ดื่มน้ำวีทกราส วันละ 60 มล. ตลอดระยะเวลาการได้รับเคมีบำบัด ทั้ง 3 รอบ ช่วยป้องการเกิดภาวะโลหิตจาง (anemia) ได้ดี มีผลเพิ่มปริมาณฮีโมโกลบินในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่มีผลต่อการตอบสนองการได้รับการรักษาจากเคมีบำบัดของผู้ป่วย และการศึกษาในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ ที่ดื่มน้ำวีทกราส วันละ 30 มล. ติดต่อกัน 6 เดือน พบว่าช่วยเพิ่มปริมาณฮีโมโกลบิน เกล็ดเลือด และเพิ่มภูมิต้านทานได้ดี ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
การศึกษาฤทธิ์อื่นที่น่าสนใจ เช่น ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในอาสาสมัครที่ได้รับสารก่ออนุมูลอิสระ BPA (biphenol-A) ผ่านทางสิ่งแวดล้อม
เมื่อให้ดื่มวีทกราส วันละ 100 มล. ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ พบว่าปริมาณสาร BPA ในปัสสาวะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยแนวโน้มการลดลงของ BPA สัมพันธ์กับระยะเวลาที่ดื่มวีทกราส
ปัจจุบัน มีการพัฒนาวีทกราสขึ้นมาในรูปเครื่องดื่มชนิดชงละลายทันที เพื่อความสะดวกของผู้บริโภค มีการเสริมคุณประโยชน์เพิ่มเข้าไป
โดยผสมสารอาหารต่างๆที่มีประโยชน์เข้าไป เช่น วิตามิน ใยอาหารอินนูลิน ผักและผลไม้รวม ชาเขียว เพื่อเสริมคุณค่าของผลิตภัณฑ์ให้มากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าวีทกราสในรูปเครื่องดื่มชนิดชง มีประโยชน์หลากหลาย ทั้งในแง่ของการเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดแดงในผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจาง ป้องกันการเกิดอันตรายจากอนุมูลอิสระ และรักษาอาการลำไส้อักเสบ โดยไม่พบความเป็นพิษหรืออาการข้างเคียงใดๆ
แต่อย่างไรก็ตามควรระมัดระวังการใช้ในเด็กอ่อน หรือสตรีมีครรภ์ เนื่องจากยังไม่มีรายงานด้านความปลอดภัย อีกน้ำวีทกราสจะมีกลิ่นเหม็นเขียว
คล้ายหญ้า จึงอาจกระตุ้นให้เกิดการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นดังกล่าวได้
เอกสารอ้างอิง
1. Multitude potential of wheatgrass juice (Green Blood): An overview. Chronicles Young Scientists 2010;1(2):23-8
2. Wheat Grass. The Nutraceutical Garden: The Grains & Legumes Component. http://horticulturecenter.illinoisstate.edu/gardens/documents/grain.pdf
3. Phytochemical screening and analysis of antioxidant properties of aqueous extract of wheatgrass. Asian Pac J Trop Med. 2014 Sep;7S1:S398-404. doi: 10.1016/S1995-7645(14)60265-0
4. Wheat grass juice in the treatment of active distal ulcerative colitis: a randomized double-blind placebo-controlled trial. Scand J Gastroenterol. 2002 Apr;37(4):444-9
5. Inflammatory Bowel Disease (IBD). โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์. https://www.bumrungrad.com/th/digestive-diseases/inflammatory-bowel-disease-ibd
6. ธาลัสซีเมีย (Thalassemia). ศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อและพาหะนำโรค. http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_nih/a_nih_1_001c.asp?info_id=403
7. Effect of wheat grass tablets on the frequency of blood transfusions in Thalassemia Major. Indian J Pediatr. 2010 Jan;77(1):90-1. doi: 10.1007/s12098-010-0002-8. Epub 2010 Feb 5
8. Wheat grass juice reduces transfusion requirement in patients with thalassemia major: a pilot study. Indian Pediatr. 2004 Jul;41(7):716-20
9. วีทกราส น้ำคั้นจากต้นอ่อนข้าวสาลี .กนกพร อะทะวงษา สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/125
10. 10 Wheat grass supplementation decreases oxidative stress in healthy subjects: a comparative study with spirulina. J Altern Complement Med. 2007;13(8):789-91.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น